วันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2556

สถาบันบริการสารสนเทศ


สถาบันบริการสารสนเทศ          จากความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิชาการและเทคโนโลยี ทำให้มีการผลิตสารสนเทศออกมาเผยแพร่อย่างมากและรวดเร็ว การที่สังคมมีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้นทำให้มนุษย์มีความต้องการสารสนเทศมากขึ้นเป็นทวีคูณเช่นเดียวกัน และเนื่องจากมนุษย์แต่ละคน ไม่อาจรวบรวมหรือจัดเก็บสารสนเทศทุกชิ้นที่ผลิตขึ้นมาได้ทั้งหมด แต่ทว่ายังมีความต้องการในการใช้ ดังนั้น จำเป็นต้องมีผู้ที่ทำหน้าที่จัดหา รวบรวม จัดเก็บ และให้บริการสารสนเทศกับมนุษย์แต่ละคน เพื่อสนองความต้องการด้านการใช้สารสนเทศ จึงทำให้เกิดสถาบันบริการสารสนเทศขึ้น          สถาบันบริการสารสนเทศ มีวัตถุประสงค์หลัก คือ ให้บริการสารสนเทศตามความต้องการของผู้ใช้ แต่เนื่องจากวิวัฒนาการของสังคม การพัฒนาของศาสตร์ต่างๆ ความแตกต่างของสารสนเทศ ผู้ใช้ และความต้องการของผู้ใช้ จึงเกิดสถาบันบริการสารสนเทศหลากหลายรูปแบบ เช่น ห้องสมุด ศูนย์สารสนเทศ ศูนย์ข้อมูล ศูนย์ประมวลและแจกจ่ายสารสนเทศ ศูนย์แนะแหล่งสารสนเทศ หน่วยงานจดหมายเหตุ สถาบันบริการสารสนเทศเชิงพาณิชย์ เป็นต้น ซึ่งสถาบันบริการสารสนเทศรูปแบบต่างๆ นี้ มีวัตถุประสงค์หลักเหมือนกัน แต่จะมีหน้าที่แตกต่างกันอยู่บ้างในด้านสาขาวิชาที่ให้บริการ ประเภททรัพยากรสารสนเทศ และประเภทของการให้บริการ ซึ่งจะมีความสัมพันธ์กับประเภทของผู้ใช้บริการ โดยจะกล่าวถึงรายละเอียดของสถาบันบริการสารสนเทศที่สำคัญๆ พอสังเขป ดังนี้           ห้องสมุด           ศูนย์สารสนเทศ           ศูนย์ข้อมูล           ศูนย์ประมวลและแจกจ่ายสารสนเทศ           ศูนย์แนะแหล่งสารสนเทศ           หน่วยงานจดหมายเหตุ           สถาบันบริการสารสนเทศเชิงพาณิชย์ ห้องสมุด          ห้องสมุด (library) มาจากศัพท์ภาษาละตินว่า libraria แปลว่าที่เก็บหนังสือ และคำว่า libraria มาจากรากศัพท์ว่า liber แปลว่า หนังสือ เพราะในอดีตทำหน้าที่อนุรักษ์ สะสมความรู้ที่อยู่ในรูปหนังสือ เป็นสถาบันบริการสารสนเทศรูปแบบดั้งเดิม ในภาษาไทยใช้คำว่า "ห้องสมุด" ซึ่งมีความหมายว่า          ห้อง ใช้ระบุสถานที่ทั้งที่เป็นอาคารเอกเทศ ส่วนหนึ่งของอาคาร หรือห้องห้องเดียว ปัจจุบันถ้าเป็นอาคารเอกเทศ จะใช้คำว่า "หอ" หมายถึง เรือนที่ใช้เฉพาะกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง           สมุด ใช้ในความหมายของหนังสือ เนื่องจากสมัยก่อนที่จะมีการพิมพ์ หนังสือของไทย มีลักษณะเป็นสมุดข่อยพับไปมา เขียนตัวหนังสือเต็มเล่ม เรียกว่า หนึ่งเล่มสมุด          ห้องสมุด ในปัจจุบันหมายถึง แหล่งสะสม และให้บริการสารสนเทศทั้งในรูปสื่อสิ่งพิมพ์ ไม่ตีพิมพ์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่มีการคัดเลือก จัดหา เข้ามา ให้สอดคล้องกับความต้องการ และความสนใจของผู้ใช้ โดยมีบรรณารักษ์หรือบุคลากรที่มีความรู้ ความชำนาญ เป็นผู้บริหารและดำเนินงานเพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้อย่างมีระบบ           จากประเภทของห้องสมุด หรือสถาบันบริการสารสนเทศ ที่ผู้ใช้คุ้นเคยดังกล่าว ซึ่งให้บริการทรัพยากรสารสนเทศ ในรูปแบบสิ่งพิมพ์เป็นส่วนใหญ่ ต่อมาเมื่อมีการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ ในงานห้องสมุด เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงาน สามารถปฏิบัติงานและให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเกิดระบบห้องสมุดอัตโนมัติ (automated library system) ในปัจจุบันจะได้ยินคำว่า ห้องสมุดเสมือน (virtual library) ห้องสมุดดิจิทัล (digital library) ซึ่งเกิดจากการนำเทคโนโลยีดิจิทัล มาใช้ในการบันทึกสารสนเทศมากขึ้น และมีการจัดเก็บสารสนเทศ ไว้ในรูปของสัญญาณดิจิทัล และเมื่อความก้าวหน้าของเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ และระบบโทรคมนาคมมีมากขึ้น จึงเกิดการพัฒนาศักยภาพ ของการบริการสารสนเทศในลักษณะห้องสมุดดิจิทัล ซึ่งมีสาเหตุจาก ความต้องการเผยแพร่ทรัพยากรสารสนเทศออกไป ให้กว้างขวางและทั่วถึง เกินกว่าจำนวนทรัพยากรสารสนเทศ ที่มีอยู่จริง เพื่อแก้ปัญหา ด้านการขาดแคลนทรัพยากรสารสนเทศ หรือในกรณีที่มีผู้ต้องการใช้ทรัพยากรสารสนเทศ ที่มีอยู่ที่ใดที่หนึ่งเพียงแห่งเดียว หรือมีใช้อยู่ในวงจำกัดพร้อมกันหลายคน หรือบางแห่งมีทรัพยากรสารสนเทศอยู่ แต่ไม่มีผู้ใช้บริการ ในขณะที่ เป็นความต้องการของผู้ใช้ที่อื่น รวมทั้ง การแก้ปัญหาด้านสถานที่จัดเก็บ ที่มีขนาดไม่สมดุลย์กับปริมาณการเพิ่มขึ้น ของทรัพยากรสารสนเทศ          ดังนั้นวิธีการแก้ปัญหาที่ดี คือ การจัดบริการในรูปห้องสมุดดิจิทัล ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างห้องสมุดหลายแห่ง โดยการใช้เครือข่ายเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้ใช้บริการ สามารถเข้าถึงสารสนเทศได้อย่างไม่จำกัดเวลา และสถานที่ ทำให้เกิดห้องสมุดรูปแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากห้องสมุดที่คุ้นเคยทั้งความหมาย รูปแบบทรัพยากรสารสนเทศและการให้บริการ โดยมีการเรียกชื่อที่แตกต่างออกไป เช่น ห้องสมุดปราศจากกำแพง (library without wall) ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (electronic library) ห้องสมุดเสมือน (virtual library) ห้องสมุดดิจิทัล (digital library) เป็นต้น มีลักษณะการให้บริการสารสนเทศดิจิทัล ทั้งลักษณะเนื้อหาเต็ม (fulltext) และสื่อประสม การค้นคืนสารสนเทศเพิ่มความสามารถการค้นคืน ในลักษณะการค้นคืนรายการผ่านเครือข่ายระบบออนไลน์ (Web Online Catalog หรือ WebOPAC) ผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ ไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากัน เพราะผู้ใช้บริการจะอยู่ ณ สถานที่ใดก็ได้ ที่อยู่ห่างไกลออกไปจากจุดที่ให้บริการ แต่สามารถสื่อสารผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศได้ จึงมีคำที่ใช้เรียกแทนบรรณารักษ์ (librarian) ผู้ให้บริการว่า ไซเบอร์เรียน (cyberian) ซึ่งจะทำหน้าที่จัดการ ให้บริการ แก่ผู้ใช้บริการจากสถานที่ต่างๆ เรียกว่า ไซเบอร์สเปซ (cyber space) ที่ผ่านเข้ามาใช้สารสนเทศในระบบเครือข่ายที่เชื่อมโยงถึงกัน ศูนย์สารสนเทศ          จากความเจริญก้าวหน้าของวิทยาการต่างๆ ที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผลการค้นคว้าวิจัย การค้นพบหลักการ ทฤษฎี และความรู้ใหม่ๆ ทำให้นักวิชาการมีความตื่นตัว มีการผลิตสารสนเทศออกมามากทำให้เกิดภาวะสารสนเทศท่วมท้น ขณะเดียวกัน ความต้องการในการใช้สารสนเทศของผู้ใช้เปลี่ยนไป คือ มีความต้องการสารสนเทศที่มีขอบเขตกว้างขวาง และมีเนื้อหาเฉพาะเจาะจง ทันสมัย ถูกต้อง รวดเร็ว ซึ่งห้องสมุดไม่สามารถสนองความต้องการได้ จึงมีการจัดตั้งศูนย์สารสนเทศขึ้น          ศูนย์สารสนเทศ (Information center) หมายถึง หน่วยงานที่ทำหน้าที่จัดหา จัดเก็บ และให้บริการสารสนเทศเฉพาะสาขา หรือเฉพาะเรื่อง ศูนย์สารสนเทศจะรวมหน้าที่ของห้องสมุดเฉพาะ และขยายบทบาทรวมถึงหน้าที่ใกล้เคียง เช่น การเขียนรายงานวิชาการ การทำสาระสังเขป บริการคัดเลือกและเผยแพร่สารสนเทศ และบริการค้นคว้าจากเอกสารให้แก่ผู้ใช้บริการ           คำว่าศูนย์สารสนเทศ อาจใช้คำว่า ศูนย์บริการเอกสาร (documentation center) แทนได้ เนื่องจากมีภาระหน้าที่และลักษณะการปฏิบัติงานเหมือนกัน แต่มีข้อแตกต่าง คือ ศูนย์บริการเอกสารเน้นวิธีการดำเนินงานเกี่ยวกับเอกสาร ขณะที่ศูนย์สารสนเทศ เน้นการนำไปให้บริการกับผู้ใช้  ศูนย์ข้อมูล          ศูนย์ข้อมูล (data center) คือ แหล่งสะสมและเผยแพร่ข้อมูล ส่วนใหญ่เป็นตัวเลขหรือข้อมูลดิบ ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของหน่วยงาน เพื่อเผยแพร่และให้บริการแก่ผู้ใช้อย่างมีระบบ มักใช้คอมพิวเตอร์จัดเก็บและประมวลผลข้อมูลศูนย์ประมวลและแจกจ่ายสารสนทศ          ศูนย์ประมวลและแจกจ่ายสารสนเทศ (information clearing houses) คือ แหล่งรวบรวมสารสนเทศที่มีแหล่งผลิตอยู่ตามที่ต่างๆ เพื่อแจกจ่ายไปยังผู้ใช้บริการ ส่วนมากจะจำกัดขอบเขตเฉพาะสาขาใดสาขาหนึ่ง เช่น ในสหรัฐอเมริกา มีศูนย์ประมวลและแจกจ่ายสารสนเทศทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศูนย์ประมวลและแจกจ่ายสารสนเทศสุขภาพจิต ศูนย์ประมวลและแจกจ่ายสารสนเทศแห่งชาติเพื่อการควบคุมสิ่งเป็นพิษ เป็นต้น  ศูนย์แนะแหล่งสารสนเทศ           ศูนย์แนะแหล่งสารสนเทศ (referal center) คือ หน่วยงานที่ให้บริการสารสนเทศแก่ผู้ใช้ โดยแนะนำให้ทราบถึงแหล่งสารสนเทศ เช่น สถาบันบริการสารสนเทศ สถาบันการศึกษา สมาคมวิชาการ สมาคมวิชาชีพ ฯลฯ เพื่อให้ผู้ใช้ติดต่อ ค้นคว้า อ้างอิงโดยตรงต่อไป ศูนย์แนะแหล่งสารสนเทศ ส่วนใหญ่จะจำกัดสาขาวิชา เช่น ศูนย์แนะแหล่งสารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หอสมุดรัฐสภาอเมริกัน ศูนย์แนะแหล่งสารสนเทศสิ่งแวดล้อมนานาชาติ เป็นต้น ศูนย์แนะแหล่งสารสนเทศจะไม่จัดหา จัดเก็บ และให้บริการสารสนเทศที่เป็นคำตอบโดยตรง แต่จะรวบรวมหรือจัดทำสารสนเทศประเภทคู่มือต่างๆ ซึ่งจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับ แหล่งสารสนเทศ เช่น นามานุกรม ดรรชนี และตอบคำถามแก่ผู้ใช้ โดยแนะนำให้รู้จักแหล่งสารสนเทศที่เหมาะสม ในสาขาวิชาที่เฉพาะหรือตามขอบเขตของภารกิจที่ได้รับมอบหมาย หน่วยงานจดหมายเหตุ          หน่วยงานจดหมายเหตุ (archives center) หมายถึง หน่วยงานราชการ หรือเอกชน ที่ทำหน้าที่เก็บรักษาจดหมายเหตุไว้เพื่อประโยชน์ในแง่ต่าง ๆ ได้แก่          1. เพื่อเป็นหลักฐานแสดงประวัติ พัฒนาการ นโยบาย และการดำเนินงานในอดีต          2. เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงาน ใช้อ้างอิงในการปฏิบัติหน้าที่ ช่วยให้การดำเนินงานบรรลุตามเป้าหมาย เป็นตัวอย่างในการกำหนดนโยบาย และแก้ปัญหาทางการบริหาร เศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ          3. เพื่อประโยชน์ต่อการอ้างอิง การค้นคว้าวิจัยในสาขาวิชาต่างๆ          4. เพื่อเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ          ในประเทศไทย หน่วยงานที่ทำหน้าที่เก็บรักษาจดหมายเหตุของทางราชการ ที่หน่วยงานราชการต่างๆ ส่งมอบให้ และบันทึกเหตุการณ์ร่วมสมัยของชาติ ที่มีความสำคัญไว้เป็นประวัติศาสตร์ เพื่อให้บริการค้นคว้าวิจัยแก่บุคคลทั่วไป คือ หอจดหมายเหตุแห่งชาติสถาบันบริการสารสนเทศเชิงพาณิชย์

          สถาบันบริการสารสนเทศเชิงพาณิชย์ เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ให้บริการสารสนเทศโดยคิดค่าใช้จ่าย แบ่งออกเป็น ประเภท คือ
          1. บริษัทค้าสารสนเทศ (information company) คือ บริษัทที่ทำธุรกิจด้านการจัดดำเนินการ วิเคราะห์ สื่อสาร และให้บริการสารสนเทศในสาขาวิชาต่าง ๆ
          2. นายหน้าค้าสารสนเทศ (Information broker) คือ บุคคลหรือองค์กรที่ทำธุรกิจบริการรวบรวม จัดเก็บ ประมวลผล ประเมินค่า และเผยแพร่สารสนเทศตามความต้องการของลูกค้าโดยใช้แหล่งทรัพยากรทั้งหมดที่สามารถหาได้ (เอกสารการสอนชุดวิชาสารสนเทศศาสตร์เบื้องต้น, 2535, หน้า 152)
          3. ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายฐานข้อมูล หมายถึง ผู้ที่ผลิตและสะสมข้อมูลในรูปแบบที่สามารถอ่านได้โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ เรียกว่า ฐานข้อมูล ซึ่งฐานข้อมูลอาจผลิตโดยหน่วยงานทางการค้า หน่วยงานของรัฐบาล สมาคมวิชาการ สมาคมวิชาชีพ ฯลฯ สามารถให้บริการได้ทั้งระบบออนไลน์ (online system) และระบบออฟไลน์ (offline system) ซึ่งระบบออนไลน์ คือ ระบบที่ผู้ใช้ติดต่อไปยังคอมพิวเตอร์เพื่อค้นคืนสารสนเทศจากฐานข้อมูล โดยผ่านช่องทางการสื่อสาร เช่น โทรศัพท์ โทรสาร ผู้ผลิตฐานข้อมูลได้นำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการบันทึกจัดเก็บข้อมูลและสร้างฐานข้อมูล ส่วนระบบออฟไลน์ คือ ระบบการประมวลผลที่ทำขึ้นโดยใช้อุปกรณ์ไร้สาย เช่น จัดทำเป็นแถบแม่เหล็ก จานแม่เหล็ก จานแสง วัสดุย่อส่วน ซีดี-รอม เป็นต้น

          สถาบันบริการสารสนเทศเชิงพาณิชย์ เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ให้บริการสารสนเทศโดยคิดค่าใช้จ่าย แบ่งออกเป็น ประเภท คือ          1. บริษัทค้าสารสนเทศ (information company) คือ บริษัทที่ทำธุรกิจด้านการจัดดำเนินการ วิเคราะห์ สื่อสาร และให้บริการสารสนเทศในสาขาวิชาต่าง ๆ          2. นายหน้าค้าสารสนเทศ (Information broker) คือ บุคคลหรือองค์กรที่ทำธุรกิจบริการรวบรวม จัดเก็บ ประมวลผล ประเมินค่า และเผยแพร่สารสนเทศตามความต้องการของลูกค้าโดยใช้แหล่งทรัพยากรทั้งหมดที่สามารถหาได้ (เอกสารการสอนชุดวิชาสารสนเทศศาสตร์เบื้องต้น, 2535, หน้า 152)          3. ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายฐานข้อมูล หมายถึง ผู้ที่ผลิตและสะสมข้อมูลในรูปแบบที่สามารถอ่านได้โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ เรียกว่า ฐานข้อมูล ซึ่งฐานข้อมูลอาจผลิตโดยหน่วยงานทางการค้า หน่วยงานของรัฐบาล สมาคมวิชาการ สมาคมวิชาชีพ ฯลฯ สามารถให้บริการได้ทั้งระบบออนไลน์ (online system) และระบบออฟไลน์ (offline system) ซึ่งระบบออนไลน์ คือ ระบบที่ผู้ใช้ติดต่อไปยังคอมพิวเตอร์เพื่อค้นคืนสารสนเทศจากฐานข้อมูล โดยผ่านช่องทางการสื่อสาร เช่น โทรศัพท์ โทรสาร ผู้ผลิตฐานข้อมูลได้นำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการบันทึกจัดเก็บข้อมูลและสร้างฐานข้อมูล ส่วนระบบออฟไลน์ คือ ระบบการประมวลผลที่ทำขึ้นโดยใช้อุปกรณ์ไร้สาย เช่น จัดทำเป็นแถบแม่เหล็ก จานแม่เหล็ก จานแสง วัสดุย่อส่วน ซีดี-รอม เป็นต้น          สถาบันบริการสารสนเทศเชิงพาณิชย์ เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ให้บริการสารสนเทศโดยคิดค่าใช้จ่าย แบ่งออกเป็น ประเภท คือ
          1. บริษัทค้าสารสนเทศ (information company) คือ บริษัทที่ทำธุรกิจด้านการจัดดำเนินการ วิเคราะห์ สื่อสาร และให้บริการสารสนเทศในสาขาวิชาต่าง ๆ          2. นายหน้าค้าสารสนเทศ (Information broker) คือ บุคคลหรือองค์กรที่ทำธุรกิจบริการรวบรวม จัดเก็บ ประมวลผล ประเมินค่า และเผยแพร่สารสนเทศตามความต้องการของลูกค้าโดยใช้แหล่งทรัพยากรทั้งหมดที่สามารถหาได้ (เอกสารการสอนชุดวิชาสารสนเทศศาสตร์เบื้องต้น, 2535, หน้า 152)          3. ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายฐานข้อมูล หมายถึง ผู้ที่ผลิตและสะสมข้อมูลในรูปแบบที่สามารถอ่านได้โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ เรียกว่า ฐานข้อมูล ซึ่งฐานข้อมูลอาจผลิตโดยหน่วยงานทางการค้า หน่วยงานของรัฐบาล สมาคมวิชาการ สมาคมวิชาชีพ ฯลฯ สามารถให้บริการได้ทั้งระบบออนไลน์ (online system) และระบบออฟไลน์ (offline system) ซึ่งระบบออนไลน์ คือ ระบบที่ผู้ใช้ติดต่อไปยังคอมพิวเตอร์เพื่อค้นคืนสารสนเทศจากฐานข้อมูล โดยผ่านช่องทางการสื่อสาร เช่น โทรศัพท์ โทรสาร ผู้ผลิตฐานข้อมูลได้นำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการบันทึกจัดเก็บข้อมูลและสร้างฐานข้อมูล ส่วนระบบออฟไลน์ คือ ระบบการประมวลผลที่ทำขึ้นโดยใช้อุปกรณ์ไร้สาย เช่น จัดทำเป็นแถบแม่เหล็ก จานแม่เหล็ก จานแสง วัสดุย่อส่วน ซีดี-รอม เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น